วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2554

เทศกาลถล่มมะเขือเทศ (La Tomatina en España)

เทศกาลถล่มมะเขือเทศ  (La Tomatina en España)

เมื่อพูดถึงประเทศสเปน ที่เลื่องชื่ออีกอย่างหนึ่งของประเทศนี้ คือ การจัดเทศกาลและงานเฉลิมฉลองต่าง ๆ ซึ่งมีหลากหลายตลอดปี และเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจไปซะหมด ดูกี่รอบ ๆ ก็ไม่เบื่อ ส่วนมากแล้ว งานฉลองต่าง ๆ หรือที่เรียกกันในภาษาสเปนว่า La fiesta ลา เฟียซต้า นั้น จะจัดฉลองกันเพื่อประเทศชาติ และคนในประเทศ แต่ก็มีบางงาน ที่เล่นกันในเฉพาะเมือง เพราะว่าแต่ละเมืองของสเปน มีที่มาที่ไปไม่เหมือนกัน ถ้าใครไปสเปน ไม่ว่าจะช่วงไหนของปี ก็จะมีงานฉลอง หรืองานเทศกาลให้ดูกันทั้งปีเลย มันต้องมีที่ไหนซักแห่งในสเปนล่ะน่า อิอิ


เทศกาลที่มีชื่อเสียงอันหนึ่งของสเปน แม้แต่คนไทยยังรู้จักกัน เพราะความแปลก คือ เทศกาลปามะเขือเทศ หรือ เรียกว่า La Tomatina ลา โตมาติ๊หน่า ในภาษาสเปน ซึ่งเฉลิมฉลอง เริ่มปามะเขือเทศใส่หัวกัน ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคมของทุกปี ที่เฉพาะเมือง บุนโยล (Bunyol) ทางภาคตะวันออกของสเปน ซึ่งอยู่ห่างจากบาเลนเซียไป 30 กิโลเมตร เทศกาลปามะเขือเทศนี้ ดุเดือด เข้มข้น ด้วย ศึกปามะเขือเทศซึ่งจะจัดขึ้นในวันพุธของสัปดาห์นั้น(เดือนสิงหาคม) ชื่อก็บอก ว่าเป็นศึกปามะเขือเทศ ดังนั้น คนที่มาร่วมงานเทศกาลนี้ ทั้งชาวเมืองเอง และผู้มาเยือน ต่างก็ปามะเขือเทศใส่กันอย่างสนุกสนาน อิอิ
              

ในแต่ละปี ลา โตมาติ๊นา ดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศสเปนเป็นจำนวนมาก แล้วก็มีคนมาร่วมมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็เลยต้องมีการตั้งกฎกติการกันซักหน่อย เพื่อความปลอดภัยและเพื่อรักษาประเพณีอันดีงามไว้ กฎก็มีอยู่ดังนี้
                

- ไม่ปาขวดหรือของแข็งใส่กัน
                
                 - ห้ามฉีกเสื้อยืดกัน
                - ต้องทุบมะเขือเทศให้น่วม ก่อนมาปาใส่กัน

- ระวังรถบรรทุกที่บรรทุกมะเขือเทศมาด้วย เด๋วรถเหยียบเอา

- เมื่อเสียงประทัดสัญญาณดังขึ้น ให้หยุดปามะเขือเทศทันที

นอกจากนี้ ก่อนและหลังวันพุธซึ่งเป็นวันทำศึก ก็จะมีการจัดงานเฉลิมฉลองกัน ส่วนช่วงเวลาเด็ดสุดในเทศกาลนี้ คือช่วงตี 1 ถึงช่วงบ่ายโมงของวันพุธนั่นแหละ อ้าว ซัดกันเข้าไป เอาให้น่วมมมม ฮี่ ๆๆ


ส่วนประวัติของการทำศึกปามะเขือเทศ ก็มีอยู่สองกระแส กระแสแรกบอกว่า ครั้งหนึ่ง มีกลุ่มคนเกิดอยากจะแกล้งคนที่กำลังเดินถนนอยู่ในเมืองโดยร้องเพลงและเล่นดนตรีไปด้วย แต่เขาร้องเพลงและเล่นดนตรีประกอบได้ห่วยมาก ๆ คนในเมืองเลยตัดสินใจว่าน่าจะหาอะไรปาใส่มันซะหน่อย หันไปหันมา เจอมะเขือเทศ เออ ก็เอามะเขือเทศนี่ละว้า ปาใส่เจ้านักร้องเสียงหลงซะเลย อิอิ แถมยังปาผักและผลไม้อื่นๆ ใส่ไปด้วย แล้วก็มีคนมาช่วยปาเยอะขึ้นเรื่อย ๆ สุดท้าย กลายเป็นศึกปามะเขือเทศใส่กันเองไป อ้าวววววววววว


ส่วนอีกกระแสหนึ่ง ซึ่งน่าเชื่อถือมากที่สุด บอกว่า เริ่มจากในปี ค.ศ. 1945 บริเวณทาวน์ สแควร์ ที่จัดศึกปามะเขือเทศในปัจจุบัน นั้นมีคนหนุ่มสาว พากันมาดูขบวนพาเหรด "Gigantes y Cabezudos" กิอ๊านเต่ส อี ก่าเบ๊ซูโดส ซึ่งเป็นขบวนพาเหรดที่โชว์ยักษ์แบบต่าง ๆ ที่มีหัวโคตรน่าเกลียด แล้วหนุ่มสาวกลุ่มนั้น ได้เข้ามาร่วมในวงดุริยางค์ในขบวนพาเหรด แล้วก็ไปผลักคนที่แต่งตัวเป็นยักษ์หัวหน้าเกลียดในขบวนเข้า เจ้ายักษ์ตัวหนึ่งล้มลง พอลุกขึ้น ก็ชกต่อยทุกคนรอบ ๆ ทีนี้ทุกคนเลยต่อสู้กันนัวเนียไปหมด พอดีมีแผงขายผลไม้อยู่ข้างทาง พวกหนุ่มสาวเหล่านั้น เลยไปคว้ามะเขือเทศมาปาใส่กัน จนกระทั่งตำรวจต้องเข้ามายุติศึกในครั้งนั้น แต่พวกในขบวนก็ยังไม่หายแค้น เพราะต้องเป็นคนจ่ายค่าเสียหายทั้งหมดด้วย
             

พอปีต่อมา เป็นวันพุธเดิม ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนสิงหาคม พวกหนุ่มสาวจอมซ่าส์ก็มาเจอกับพวกในขบวนพาเหรดอีกครั้ง คราวนี้ ขนมะเขือเทศกันมาเอง แล้วก็เริ่มทำศึกกันในวันนั้นเอง แต่ก็มีตำรวจมายุติศึกจนได้ ส่วนในปีหลังจากนั้น ทางการได้สั่งห้ามการทำศึกมะเขือเทศ ซึ่งได้กลายมาเป็น วันทำศึกมะเขือเทศโดยปริยาย แต่กระนั้น ผู้คนก็เริ่มฉลองวันทำศึกดังกล่าว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ซึ่งในแต่ละปี มีคนมาร่วมงานประมาณ 10,000 คนเลยเชียว
               
ที่มาhttp://www.oknation.net/blog/yoocho/2008/01/15/entry-6

ความหมายของคำว่าแม่

ความหมายของคำว่าแม่

แม่.....คำนี้มีอานุภาพยิ่งใหญ่ในใจลูกทุกคน จนยากที่จะเปรียบเทียบได้ กับทุกสรรพสิ่งในโลก ดังคำขวัญที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานไว้ว่า “แม่เป็นพระอรหันต์ของลูก คนที่เที่ยววิ่งหาพระเพื่อกราบไหว้พระอรหันต์ อย่าลืมว่ามีพระอรหันต์อยู่กับตัวแล้ว ควรปฏิบัติต่อแม่อย่าให้บกพร่องได้” พระคุณของแม่อันประกอบไปด้วยความรักที่มีต่อลูกอย่างสุดหัวใจเช่นนี้ คงไม่ยากจนเกินไปนัก หากเอ่ยคำว่า “รัก” ให้แม่ได้ชื่นใจบ้าง เพราะคุณอาจโชคดีกว่าหลาย ๆ คนที่ได้เพียงแต่รำลึกถึงพระคุณแม ่ผ่านภาพและเงาที่ตราตรึงไว้ในความทรงจำเท่านั้นว่า “ลูกรักแม่”
คำว่าแม่สำคัญอันใหญ่หลวง
เพราะแม่ห่วงเพราะแม่รักเราหนักหนา
เมื่อเติบใหญ่จะได้มีกาลเวลา
ที่หันมารักแม่แทนพระคุณ
แม่นั้นเจ็บเก็บท้องนับเก้าเดือน
ไม่ห่างเหินดูแลลูกให้สุขขี
แม่นั้นรักลูกมากกว่าชีวี
ลูกคนนี้จะรักแม่จนสิ้นใจ

นอกจากนั้นแล้วสิ่งใดก็แล้วแต่ที่มีอำนาจมีความแข็งแกร่งเป็นผู้ที่ให้กำเนิด มีความอดทนมีกำลังสูง เราใช้คำขึ้นต้นว่า “แม่” แทบทั้งสิ้นเช่น แม่โพสพ แม่คงคา แม่ธรณี แม่เหล็ก แม่แรงที่สามารถดีดรถให้สูงขึ้นไปได้ แม่ทัพ แม่พิมพ์ของชาติ และสมเด็จย่าของเราคือ แม่ฟ้าหลวง แม่บ้าน แม่เรือน แม่ครัว และการเรียนบาลีไวยากรณ์ ยังมีแม่กองบาลี แม่บท แม่บาท เป็นต้น
คำว่า “แม่” จึงทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์เป็นสากล และถือว่าศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในใจของลูก ลูกควรจะต้องมีความระลึกอยู่เสมอว่า ผู้นี้แหละคือ ผู้ที่ให้กำเนิดผู้ให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับเรา
แม่ของเราก็เป็นคนที่มีพระคุณต่อเรามาก และเราก็รักแม่มาก แม่เป็นคนที่เสียสละ นับจากวันที่ได้คลอดเราออกมาวันนั้นเป็นวันที่แม่ทรมานมากที่สุดในชีวิต ซึ่งนับว่าเป็นพระคุณที่นับว่ายิ่งใหญ่ คงไม่สายเกินไปสำหรับที่คุณจะบอกคำว่า "ลูกรักแม่"

 ที่มาhttp://kpsp1.ob.tc/-View.php?N=361